เว็บดูหนังออนไลน์ฟรี วิจารณ์หนัง ข่าวล่าสุด วิจารณ์หนัง ในวงการบันเทิง

เว็บดูหนังออนไลน์ฟรี

เว็บดูหนังออนไลน์ฟรี รีวิวหนัง “Transformers: Rise of the Beasts” โอเค..อัปเกรดฉบับนี้ดีแล้วขึ้นอยู่กับนะ ดูท่าเฟรนไชส์หนังหัวข้อนี้จะยังไม่ยินยอมตายและก็จบลงไปกล้วยๆหากว่าก่อนหน้านี้ที่ผ่านมามันจะออกจะทิ้งไว้ด้วยทางที่เลอะเทอะน่าดูไม่น้อย แต่ว่าการกลับมาคราวนี้จะเป็นความหวังครั้งใหม่ได้หรือเปล่า ด้วยเหตุว่านี่เป็น “Transformers: Rise of the Beasts ทรานส์ฟอร์เมอร์ส: เกิดจักรกลยักษ์” ที่ยังจัดได้ว่าเป็นหนังฉบับรีบูตแล้วก็เป็นภาคต่อจากหนังเรื่องที่แล้ว ยังคงเป็นภาคย้อนเวลากลับไปอยู่ แม้ว่าจะค่อนข้างจะเข็ด…กลับมาอีกยังไหวอยู่อีกหรือ?

เว็บดูหนังออนไลน์ฟรี รีวิวหนัง Transformers: Rise of the Beasts

Transformers: Rise of the Beasts ในเวอร์ชั่นเป็นการเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปี 1994 กับการเสี่ยงอันตรายแล้วก็ต่อสู้ครั้งสำคัญของเหล่าสมาชิกจักรกล ออโตบอตส์ ที่พวกเขาต้องหาวิถีทางสำหรับการกลับดวงดาวของตน ซึ่งโน่นทำให้จำต้องมาประสานมือผนึกกำลังกับเหล่าจักรกลเผ่าใหม่ที่ชื่อว่า แม็กซิมอลส์ บนโลกมนุษย์ ท่ามกลางวิกฤติการณ์ที่ยังถูกพวกดิเซปตำหนิคอนส์อุตสาหะรุกราน หาวิธีกลืนรับประทานดวงต่างๆไปทั่วกาแลกเปลี่ยนซี ดูหนังออนไลน์ 2022

อาจจะต้องรับสารภาพตามจริงกับคุณนักอ่านทุกคนเลยว่า สำหรับหนังชุด Transformers นั้น ทางพวกเราออกอาการเทไปแล้วก็เลิกมองไปครู่หนึ่งใหญ่ๆคงจะตั้งแต่แมื่อภาคที่ 2 เลยด้วย (ซึ่งคิดออกลางๆว่าทนมองได้ไม่จบ) ถึงแม้ต่อไปมันจะยังคงถูกผลิตออกมาเป็นภาคที่ 3-4-5 เป็นลำดับ แม้กระนั้นก็มิได้ติดตามหรือพอใจเฟรนไชส์หนังประเด็นนี้ต่อ จะมีก็แค่กลับมามอง “Bumblebee” เมื่อไม่กี่ปีกลาย ด้วยเหตุว่ามีความคิดเห็นว่าเป็นภาคต้นแล้วก็มีความเป็นภาคแยก

แล้วก็เมื่อได้ได้โอกาสกลับมาเปิดใจมองต่อในภาคนี้ คงจำต้องใช้ว่า…เซอร์ไพรส์อยู่เช่นเดียวกัน เนื่องจาก เว็บดูหนังออนไลน์ฟรี

Transformers: Rise of the Beasts แปลงเป็นฉบับแก้ไขใหม่ที่จัดว่าหลายๆอย่างลงร่องลงรอยเพิ่มขึ้น เปรียบเทียบได้กับเสน่ห์ที่เคยสัมผัสได้ตั้งแต่หนังภาคแรกที่สร้างประสบการณ์ดูหนังที่ตื่นตาตื่นใจได้เรื่องหนึ่งอย่างยิ่งจริงๆ นับว่าส่วนประกอบบางอย่างของหนังชุดนี้ได้ถูกจัดระบบขึ้นให้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น

“Transformers: Rise of the Beasts” มีฉากเครดิตด้านหลังเรื่องหรือเปล่า? เฉลยคำตอบตรงนี้

เป็นจะว่าไป Transformers: Rise of the Beasts ก็เกือบจะไม่มีอะไรที่แปลกใหม่สักเท่าไหร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพล็อตหนังกับเค้าเรื่อง ที่ก็ยังคงวนๆซ้ำเดิมอยู่กับภารกิจตามหาอะไรสักอย่างอยู่อย่างเคย มันยังคงใช้ความเป็นสูตรสำเร็จเข้ามาแต่งแล้วก็เดินเรื่องไปอย่างซ้ำซาก แต่ว่าจุดที่ไม่เหมือนกันกับเดิมของหนังชุดนี้ ก็คงเป็นการกล่าวร้ายมนุษย์เข้ามามากขึ้นในหนัง ทำให้เติมแต่งความรู้สึกนึกคิดให้กับตัวหนังได้มากขึ้น มิได้รู้สึกแข็งทื่อแบบจักรกลล้วนๆแบบอย่าง “ไมเคิล เบย์” สร้างเอาไว้หลายต่อหลายภาค

หนัง Spider-Man Across the Spider-Verse หรือชื่อไทยว่า

สไปเดอร์-แมน: ผงาดผ่านจักรวาลแมงมุม ภายหลังได้กลับมาพบกับ “เกว็น สเตซี่” สไปเดอร์-แมนเพื่อนบ้านที่แสนดีได้ถูก โยนเข้าไปสู่มัลติเวิร์สใหม่ของเหล่าแมงมุม ที่ทำให้ไมล์สได้เจอกับสไปเดอร์คนอื่นแม้กระนั้นแล้วความไม่ถูกกันก็เกิดขึ้นเนื่องจากข้อคิดเห็นต่างของเหล่าสไปเดอร์ ไมลส์ก็เลยถูกบีบคั้นให้ จำเป็นต้องต่อสู้กับสไปเดอร์คนอื่นเพื่อเป้าหมายของการเป็นซูเปอร์วีรบุรุษที่จริงจริงรวมทั้ง คุ้มครองปกป้องผู้ที่เขารัก…แล้วก็นี่เป็นศึก สไปเดอร์-วอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาลที่ไม่มีการคาดการณ์ของสไปเดอร์-แมน

จบการคอยกับภาพยนตร์แอนิเมชันภาคต่ออย่าง Spider-Man : Across the Spider-Verse ภายหลังที่คอยมานาน ก็ปลดปล่อยออกมาให้ได้รับดูแล้วก็ทำเป็นสมกับการรอจริงๆกับเรื่องราวของ Miles Morales (ให้เสียงโดย Shameik Moore) เด็กวัยหนุ่มอายุ 15 ที่จำเป็นต้องแบกรับภาระของการเป็น Spider-Man ไว้

ภาพยนตร์แอนิเมชั่น Spider-Man : Across the Spider-Verse ได้ประสมประสานกราฟฟิคแอนิเมชันเอาไว้อย่างนานาประการ จำเป็นต้องบอกเลยว่ามีความน่าระทึกใจมากมายๆแล้วก็เรื่องราวของมัลติเวิร์สซึ่งสามารถเล่าได้ดีเยี่ยม งานภาพมีอะไรให้รู้สึกว้าวได้ตลอด แม้ว่าจะเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่มีช่วงเวลาถึง 2 ชั่วโมงกว่า กลับทำให้มีความรู้สึกเสมือนมองไปเพียงแต่ 30 นาทีเพียงแค่นั้น และก็การสิ้นเรื่องแบบงี้มันทรมาทรกรรมกันชัดๆเลย ! ต้องการจะทะลุมัลติเวิร์สไปดูต่อแล้วจริงๆ

ในภาคนี้แม้ว่าจะมีการใช้งานโทนสีที่แสบสันมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็เห็นได้ชัดเลยว่ามีการปรับปรุงต่อยอดจากภาคแรกมาอย่างใหญ่โต โทนสีของแต่ละฉาก บางเวลาก็แปรไปตามอารมณ์ของนักแสดงที่เดินเรื่อง หรือ แปรไปตามมัลติเวิร์สจนถึงถ้าเกิดพิจารณาดีๆพวกเราก็แอบจับไต๋ได้นะ แล้วก็ตัวเรื่องราวก็มีการปูบทไปที่รายละเอียดครอบครัวของ Miles รวมทั้ง Gwen เพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วย มีแทรกสอดความดราม่าไม่มากมายไม่น้อย แล้วก็ตัวภาพยนตร์มีการใส่ Easter Egg รวมทั้ง Meme เอาไว้ให้พวกเราได้รอสังเกตุแล้วก็แอบมี Tie-in น้อยด้วยนะ (มองจบกลับไปอยู่ที่บ้านซื้อเกมตามเลยจ๊ะ ฮ่าๆ) และก็เพลงประกอบในภาคนี้บางทีอาจจะมิได้แมสจัดๆหรือโฆษณาหนักเท่าภาคแรก แต่ว่าขอบอกเลยว่ามันไม่แพ้กัน ดีเยี่ยม ถูกใจมากมายๆแล้วหลังจากนั้นก็ธรรมดาแล้วพวกเราจะเป็นคอหนังแบบ Soudtrack มากยิ่งกว่าแม้กระนั้นรอบนี้จำต้องยกนิ้วให้กลุ่มบรรยายไทยจริงๆเนื่องจากว่าเหมาะสมอย่างยิ่ง เหมาะแบบเลิศเลอเลย ได้อรรถรสมากมาย

ส่วนตัวถูกใจการปูบทตัวร้ายในภาคนี้ที่เริ่มมาก็เพียงแค่ราวกับตัวร้ายบ้านๆเซ่อซ่าๆทั่วๆไป จนถึงได้ปรับปรุงความคดเคี้ยวรวมทั้งคลุ้มคลั่งไปได้ขนาดนั้น รวมทั้งมีการเพิ่มผู้แสดงสมทบที่มีหน้าที่ในภาคนี้ อย่าง Spider-man India (ให้เสียงโดย Karan Soni) กับ Spider-Punk (ให้เสียงโดย Daniel Kaluuya) กับบทของคนหัวกบฎที่โคตรจะโก้เก๋ รวมทั้งต้องมีให้ได้เลย ไอต้าว Spider-Cat น่ารักน่าเอ็นดูชอบใจขี้ข้าแมวมากมาย ♥

จากคนสู่อีกคน “วิน น้ำมันดีเซล” หันมาตีกับ “เจสัน โมโมอา” ไม่ชอบใจที่เด่นเกินหน้าเกินตาใน “Fast X”
ในขณะที่ Fast & Furious เป็นแฟรนไชส์มีคุณค่าของฮอลลีวูด หนัง 10 ภาคโกยรายได้ไปหลายพันล้านเหรียญ สร้างกำไรเป็นกอบเป็นกำให้กับ ยูนิเวอร์แซล พิคพบร์ ซึ่งฟังดูแล้วก็น่าจะเป็นเรื่องดี ที่ทุกคนที่เกี่ยวเนื่องด้วยคงจะแฮปปี้ไปตามๆกัน หากแม้ข้างหน้านั้นจะมองผ่องใสแล้วก็แฟรนไชส์ก็มองมีอนาคตอีกยาวไกลกับการผลิตภาคแยก แม้กระนั้นเบื้องหน้าเบื้องหลังนั้นกลับมีปัญหาดราม่าให้คณะทำงานและก็ดาราหนังได้ปวดศรีษะกันไม่หยุดหย่อน กับการที่ผู้แสดงและก็ผู้กำกับต่างเดินตบเท้าออกมาจากครอบครัว Fast ด้วยเหตุผลตรงกันว่า ไม่ชอบใจกับหน้าที่ของ วิน น้ำมันดีเซล (Vin Diesel) ในฐานะผู้แสดงนำฝ่ายแล้วก็ผู้อำนวยการผลิตของแฟรนไชส์ที่มีผลกระทบเป็นอย่างมากในกองถ่าย

ก่อนหน้านั้น ดเวย์น จอห์นสัน (Dwayne Johnson) คู่อริอันช้านานของ วิน น้ำมันดีเซล ก็ออกมาดุด่าเสียเทเสียดีเซลผ่านสื่อโซเชียล ทำให้สตูดิโอจะต้องสร้างภาคแยก Hobbs & Shaw ให้กับจอห์นส้นโดยยิ่งไปกว่านั้น ที่ท้ายที่สุดน้ำมันดีเซลกับจอห์นสันก็จัดการเรื่องแตกแยกกันได้ ทำให้พวกเราได้มองเห็น ลุค ฮอบส์ betfilk88 กลับมาเผยตัวในเบื้องหลังเอนด์เครดิตของ

Fast X เมื่อเรื่องราวดราม่าดูเหมือนสงบลงด้วยดีได้ไม่กี่วัน แม้กระนั้นแล้วหลังจากนั้นก็มีข่าวสารดราม่าใหม่เปิดเผยออกมาอีกแล้ว นักแสดงหลักก็ยังคงเป็น วิน น้ำมันดีเซล คนเดิม แต่ว่ารอบนี้แปลงคู่แข่งขันเป็น เจสัน โมโมอา (Jason Momoa) ที่พึ่งเข้ามาร่วมแฟรนไชส์ใน Fast X ภาคปัจจุบันนี้ ในฐานะคนร้ายตัวฉกาจ ดันเต้ เรเยส ที่ตามรายละเอียดแล้ว เขาคงจะอยู่กับแฟรนไชส์ไปอีก 1 หรือ 2 ภาค กระทั่งจบแฟรนไชส์หลัก

การจับตัวได้ เจสัน โมโมอา มาร่วมในแฟรนไชส์ นับเป็นแผนการที่เฉียบแหลม เนื่องจากโมโมอา เป็นดาราหนังมีชื่อเสียง มีฐานแฟนคลับที่ติดตามมากไม่น้อยเลยทีเดียวซึ่งแน่ๆว่าต้องตามมาดูเขาใน Fast X นี้ด้วย และก็หน้าที่ของโมโมอาก็ได้รับเสียงตอบรับอย่างยอดเยี่ยมอีกทั้งจากแฟนคลับและก็นักวิพากษ์วิจารณ์ ถึงการแสดงที่เป็นสีสันของหนังภาคนี้ ฟังดูแล้วก็คงจะจบลงด้วยดี แม้กระนั้นก็ไม่น่าเชื่อที่มีข่าวสารออกมาว่า วิน น้ำมันดีเซล กำลังจะมีปัญหากับ เจสัน โมโมอา เสียแล้ว สำนักข่าว RadarOnline แถลงการณ์ว่า น้ำมันดีเซลกำลังชี้นิ้วไปที่โมโมอา ว่าเขาเป็นต้นเหตุหลักที่ทำให้หนัง Fast X ไม่เป็นที่ปลื้มปิติในกลุ่มนักวิพากษ์วิจารณ์

รายงานจากที่มาของข่าวเผยมาว่า
“วินเค้ารู้สึกอับอายขายหน้าครับผม ที่แปลงเป็นว่าเจสันนั้นเปรียบได้กับแสงไฟเพียงแค่จุดเดียวในหนังหัวข้อนี้ รวมทั้งลักขโมยความพอใจจากเขาไปหมดทั้งๆที่เป็นแฟรนไชส์ที่เขาปลุกปั้นมาพร้อมกับมือ”

ศูนย์ข่าววงในยังเผยอีกว่าวินใช้ถ้อยคำกับการแสดงของโมโมอาว่า “ชอบการขโมยของซีน” แล้วก็ “โอเวอร์แอ็กติ้ง” เหลือเกิน แล้วก็เป็นต้นเหตุให้เสียงตอบรับจากนักวิพากษ์วิจารณ์ออกมาไม่ดีอย่างที่คาดไว้ แต่ว่าบรรดาที่มาของข่าววงในก็คิดเห็นเช่นเดียวกันว่า ปัจจัยน่าจะเป็นด้วยเหตุว่า “ความริษยา” จากตัววินเองเสียมากกว่า ที่โมโมสมัครใจมารถสร้างภาพลักษณ์ของ “ดันเต้” ให้เป็นตัวร้ายที่มีความเหนือชั้นแล้วก็เป็นคู่ปรปักษ์ที่เป็นพิษสงสมน้ำสมเนื้อ จนถึงปัดกวาดเสียงยกย่องจากแฟนคลับรวมทั้งนักวิพากษ์วิจารณ์ไปอย่างเหลือเฟือ ข้ามหน้าเขา